Menu
(Credit: 90Min)
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะชัดเจนแล้ว สำหรับ Ralf Rangnick ที่ไม่น่าจะได้อยู่ดูแลแมนยูไนเต็ดในฐานะผู้จัดการทีม
แบบถาวรต่อไปในฤดูกาลหน้า หลังจากที่ทางนายใหญ่ชาวเยอรมันน่าจะกลับไปทำงานเป็นเบื้องหลัง
หรือที่ปรึกษาของสโมสรแทนนับจากจบซีซั่นนี้ไป โดยทางอดีตกุนซือที่โลดแล่นในบุนเดสลีกามานาน
ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมต่อจาก Ole Gunnar Solskjaer ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
และจะได้ทำหน้าที่ไปจนช่วงกลางปีนี้ ก่อนจะเปลี่ยนไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการของสโมสรแทนนั่นเอง
อย่างไรก็ตามพอจังหวะของทีมเริ่มดีขึ้นมักจะมีข่าวรั้งตัวกุนซือคนนี้
(Credit: 90Min)
ผลงาน Rangnick ที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย
นับจากที่ Ralf Rangnick มาคุมแมนยูไนเต็ด พวกเขาก็ทำคะแนนไปได้ถึง 25 จาก 36 คะแนนจากเกมในลีก
ซึ่งเทียบกับ 17 คะแนนจาก 36 แต้มเท่ากันในยุคของ Solskjaer ก็ดูจะเป็นพัฒนาการที่ดีไม่น้อยเลย
อย่างไรก็ตามถึงสถานการณ์ของทีมจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ Forbes สื่อดังยังคงรายงานว่า แผนทั้งหมดของสโมสร
ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยชื่อของเขาจะไม่ถูกนำไปคิดในฐานะผู้จัดการทีมคนใหม่ต่อจากนี้
และจะเปลี่ยนไปนั่งแท่นที่ปรึกษาในทีมแทน รวมถึงการเลือกให้เจ้าตัวเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว
ก็เพื่อเพิ่มเวลาหาตัวแทนที่เหมาะสมต่อไปช่วงจบฤดูกาล
(Credit: 90Min)
Rangnick จะกลายเป็นผู้เลือกแทน
เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลลงไป ทาง Ralf Rangnick ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นคนเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่ของปีศาจแดง
ตามที่ Gary Neville เข้าใจ โดยก่อนหน้านี้มีทั้ง Mauricio Pochettino และ Brendan Rodgers สองกุนซือ
ที่พิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีกมาแล้วเป็นตัวเต็ง เช่นเดียวกับ Erik ten Hag ผู้จัดการทีมของอาแจกซ์
ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเวทีใหญ่ของยุโรปมาก่อน ซึ่งทาง Neville เองก็เชื่อว่า
อดีตผู้อำนวยการของทีมเรดบูลส์มาก่อนอย่าง Rangnick น่าจะช่วยปรับโครงสร้างของทีมได้เป็นอย่างดี
และการยอมเจ็บตัวตั้งแต่ตอนนี้เพื่อสิ่งที่กว่าก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ด้วยเหตุนี้เอง Ralf Rangnick ก็คงจะไม่ได้อยู่กับแมนยูไนเต็ดในฐานะผู้จัดการทีมอย่างแน่นอน
โดยเจ้าตัวก็จะหันไปทำงานเบื้องหลังที่เข้ามือกว่าต่อไป ซึ่งทางตำนานของปีศาจแดงก็เชื่อมั่นว่า ทีมจะโตไปในทิศทาง
ที่ดีขึ้นได้หลังจากนี้ รวมถึงคงมีโครงสร้างที่เข้าใจฟุตบอลมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ทีมติดกับดักในธรรมเนียมเก่า
จนกระทั่งไม่สามารถก้าวข้ามยุคทองของ Sir Alex Ferguson มาได้เลยนั่นเอง
