สถิติถูกทำลาย หลัง Cristiano Ronaldo ยิงประตูที่ 11 กับทีมชาติแล้ว

cr1

(Credit: The Athletic)

Cristiano Ronaldo เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ห้าสมัยและผู้เล่นคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำสิ่งที่ต้องจดจำ

อีกครั้ง หลังจากที่นักเตะวัย 36 ปีสามารถยิงประตูที่ 111 ในนามทีมชาติได้ จนกระทั่ง

กลายเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูให้กับทีมชาติมากที่สุดของวงการฟุตบอลเลยทีเดียว โดยในเกมที่ทีมชาติโปรตุเกส

สามารถพลิกความตายเอาชนะทีมชาติไอร์แลนด์ได้ก็เป็นทางดาวยิงรายนี้ที่สามารถเหมาะคนเดียวสองประตู

ก่อนจะขึ้นแท่นเป็นนักเตะที่ยิงได้มากที่สุดตลอดกาลแซง Ali Daei เจ้าของสถิติเก่าไว้ที่ 109 ลูกนั่นเอง

รวมถึงทางนักเตะคนนี้ยังไม่มีทีท่าจะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพอีกด้วย

cr2

(Credit: Football365)

Cristiano Ronaldo กับจังหวะเปลี่ยนประวัติศาสตร์

ก่อนลงสนามครั้งนี้ Cristiano Ronaldo ได้ตีเสมอสถิติ 109 ลูกของ Ali Daei ไปแล้ว

จนกระทั่งในช่วงครึ่งแรกที่เขามีโอกาสได้ยิงประตู แต่กลับโดนทาง Gavin Bazunu เซฟจุดโทษจนต้องรอโอกาสต่อไป

ซึ่งภายในเกมเดียวกันจากนาทีที่ 89 ทางนักเตะตตัวความหวังของทีมชาติโปรตุเกสก็สามารถโหม่งประตูประวัติศาสตร์

เข้าจนทำให้ทีมเสมอกัน 1-1 รวมถึงในอีกเจ็ดนาทีต่อมา ทางดาวยิงคนใหม่ของปีศาจแดงก็สามารถโหม่งทำประตู

ได้อีกครั้ง จนทำให้ทีมพลิกกลับมาเอาชนะได้อย่างเหลือเชื่อ พร้อมคว้าสามแต้มในฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่มไป

cr3

(Credit: The Independent)

สถิตินับไม่ถ้วนของ Cristiano Ronaldo

ไม่ใช่แค่ Cristiano Ronaldo จะสามารถทำสถิติเป็นผู้ยิงประตูในทีมชาติได้มากที่สุดตลอดกาลเท่านั้น

แต่เจ้าตัวก็เป็นคนที่เป็นเจ้าของสถิติมากมายทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่สามารถยิงประตูได้มากที่สุด

ในรายการฟุตบอลยูโรและฟุตบอลโลกไว้ที่ 21 ประตูเหนือ Miroslav Klose ตำนานจากทีมชาติเยอรมัน

รวมถึงเขายังเป็นดาวซัลโซตลอดกาลของฟุตบอลยูโรที่ 14 ประตูและสามารถยิงติดต่อกันในรายการนี้ถือห้าครั้งติด

โดยที่ไม่มีใครเข้าใกล้สถิตินี้เลย ส่วนในระดับสโมสรที่ลงเล่นให้ทั้งสปอตติ้งลิสบอน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

รีลมาดริดและยูเวนตุสก็ใส่สกอร์ได้มากถึง 674 ลูกด้วยกัน

เชื่อว่า Cristiano Ronaldo จะยังคงเดินหน้าสร้างสถิติต่อไปอย่างแน่นอนจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายที่เขาลาสนามไป

ในอนาคต ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้น เจ้าตัวก็น่าจะยิงประตูเพิ่มเติมต่อไปเรื่อย ๆ รวมถึงยังไม่มีทีท่าจะหันหลังให้วงการ

แต่อย่างใด จากสภาพร่างกายที่ยังฟิตพร้อมเป็นตัวจริงให้ทั้งทีมชาติโปรตุเกสและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั่นเอง