เส้นทางใหม่ที่ปารีส หลัง Lionel Messi ได้เซ็นสัญญากับ PSG แล้ว

mes1

(Credit: AS English)

ความฝันของ Neymar คงเป็นจริงแล้ว เมื่อ Lionel Messi ได้ตัดสินใจเซ็นสัญญากับทางปารีสแซงต์แชร์แมง

เป็นที่เรียบร้อย โดยเขาจะอยู่กับทีมดังจากลีกเอิงเป็นเวลาสองปีพร้อมกับเงื่อนไขต่อสัญญาไปอีกหนึ่งปีด้วยกัน

ส่วนทางด้านค่าเหนื่อยของเขาจะอยู่ที่ 35 ล้านยูโรต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งการย้ายออกจากบาร์เซโลน่าถือเป็นข่าวใหญ่ของ

ตลาดซื้อขายครั้งนี้ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายกลับมามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันจนดาวยิงจากอาร์เจนติน่าไม่ได้ต้องการ

ย้ายออกไปตั้งแต่แรก ทว่าปัญหาการเงินที่ยากจะแก้ไขก็ทำให้เจ้าของบัลลงดอร์ 6  สมัยได้ย้ายมาซบ PSG ในที่สุด

mes2

(Credit: Goal)

คำแถลงในสโมสรใหม่ของ Lionel Messi

ทางนักเตะใหม่อย่าง Lionel Messi ได้แถลงผ่านสโมสรปารีสแซงต์แชร์แมงอย่างเป็นทางการไว้ว่า เขาอดใจรอไม่ไหว

ที่จะได้เริ่มต้นบทใหม่ที่ปารีสแล้ว เพราะวิสัยทัศน์ของทีมได้ตรงกับความทะเยอทะยานของเขาเช่นกัน

ซึ่งเจ้าตัวก็ชมว่า ทั้งนักเตะกับทีมงานของสโมสรแห่งนี้ก็ยอดเยี่ยมไม่น้อยและเขาก็พร้อมที่จะพาความสำเร็จมาสู่ทีมใหม่

เช่นเดียวกับการลงสนามในถิ่นพาร์คเดสแพรงส์แห่งนี้ ส่วนทางด้าน Nasser Al-Khelaifi ประธานของสโมสร PSG

ก็ออกมาแสดงความยินดีที่สุดยอดนักเตะคนนี้เลือกจะย้ายมาสู่ทีมของเขา

mes3

(Credit: The Mirror)

สาเหตุที่ PSG ต้องดึงตัว Messi เข้ามา

เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ช่วงเวลาของ Lionel Messi กับบาร์เซโลน่าถือว่า ได้สร้างประวัติศาสตร์มากมาย

ในวงการฟุตบอลจากสถิติการยิงไปทั้งสิ้น 672 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมด 778 นัด ซึ่งไม่น่าจะมีใครมาทำลายสถิตินี้

ได้อย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ ก่อนที่ Messi จะพาเจ้าบุญทุ่มกลายเป็นแชมป์กว่า 34 รายการ

ไม่ว่าจะเป็นแชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัยหรือลาลีกาที่คว้ามา 10 สมัยด้วยกัน นอกจากนี้ความกระหายถ้วยรางวัลของเจ้าตัว

ทั้งที่เพิ่งจะคว้าแชมป์โคปาอเมริกามาก็น่าจะทำให้ปารีสแซงต์แชร์แมงสามารถไปถึงฝั่งฝันได้

ด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปให้ได้หนึ่งสมัย หลังจากที่เป็นได้แค่รองแชมป์เมื่อสองฤดูกาลก่อนเท่านั้น

การที่ Lionel Messi กับปารีสแซงค์แชร์แมงได้มีเป้าหมายเดียวกันก็น่าจะทำให้พวกเขาเหมาะสมกันมากที่สุดแล้ว

ไม่ใช่เพียงแค่ค่าเหนื่อยที่ทาง PSG สามารถแบกรับได้อย่างสบาย ๆ แต่ไปจนถึงเรื่องความทะเยอทะยานที่น่าจะมี

เพียงแค่พวกเขากับแมนเชสเตอร์ซิตี้เท่านั้นที่ยังคงต้องการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกสักครั้งในฤดูกาลนี้นั่นเอง