ทีมชาติอังกฤษที่เตรียมโดดปรับจากการยิงเลเซอร์

eng1

(Credit: Goal)

ทีมชาติอังกฤษอาจงานเข้าไปแล้ว เมื่อทาง UEFA อาจทำการลงโทษพวกเขาจากจังหวะลูกจุดโทษในเกมระหว่าง

สิงโตคำรามเจอกับทีมชาติเดนมาร์กที่พวกเขาเอาชนะไปได้ในช่วงท้ายเกมจากการต่อเวลาพิเศษ 120 นาที

ก่อนที่จะมีการใช้แสงเลเซอร์ยิงจากแฟนบอลเข้าหาตัวของ Kasper Schmeichel จนมีกล้องจับภาพได้

แม้ว่าผู้รักษาประตูจะสามารถป้องกันลูกยิงของHarry Kane ในจังหวะแรก

แต่สุดท้ายลูกซ้ำของกองหน้าคนนี้ก็กลายเป็นประตูชัย จนทางสหพันธ์ฟุตบอลจะต้องสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

eng2

(Credit: Marca)

ความวุ่นวายในเกมอังกฤษกับเดนมาร์ก

ในเกมที่ทีมชาติอังกฤษกับเดนมาร์กนั้นเริ่มมีเหตุการณ์ที่ไม่น่าจดจำตั้งแต่การร้องเพลงชาติของฝ่ายทีมเยือน

ที่โดนแฟนบอลอังกฤษร้องโห่ใส่อย่างไร้มารยาท ตามด้วยการจุดพลุในช่วงที่พวกเขาพลิกกลับมาขึ้นนำ 2-1

ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยจังหวะขึ้นนำนั้นทางกล้องจากสถานีโทรศัพท์ก็จับภาพการยิงแสงเลเซอร์ใส่

Kasper Schmeichel ก่อนการป้องกันประตูสำคัญกับ  Harry Kane นั่นเอง แม้ว่าเขาจะเซฟลูกยิงในจังหวะนี้ไปได้

แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ลูกยิงซ้ำของกองหน้ารายนี้ใส่สกอร์ไปได้ในที่สุด  

 

ซึ่งทางผู้จัดการทีมอย่างGareth Southgate ก็เตรียมจะรับฟังผลการตัดสินของสหพันธ์ฟุตบอล

อย่างง UEFA ที่จะเข้ามาสืบสวนกับเหตุการณ์ที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาครั้งนี้

eng3

(Credit: Insider Voice)

มุมมองจาก UEFA ต่อเหตุการณ์นี้

แน่นอนว่า ทีมชาติอังกฤษก็จะต้องถูกทาง UEFA สอบสวนอย่างแน่นอน ซึ่งพวกเขาได้ออกแถลงการณ์ไว้ว่า

มีกระบวนการสืบสวนทางวินัยจากเกมฟุตบอลยูโร 2020 รองรองชนะเลิศระหว่างทั้งสองทีมที่ลงสนาม

ในวันที่ 7 กรกฎาคมจากสนามเวมบลีย์เตเดี้ยมในเมืองลอนดอน  ซึ่งข้อหาที่ทางเจ้าบ้านถูกฟ้องก็คือ

การใช้เครื่องยิงเลเซอร์จากแฟนบอลของพวกเขา รวมถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมระหว่างการร้องเพลงชาติเดนมาร์ก

และการยิงพลุไฟจากฝั่งของแฟนบอล โดยข้อหาเหล่านี้จะถูกสหพันธ์มาเข้าไต่สวนอย่างจริงจังผ่านหน่วย CEDB 

พูดถึงความเหมาะสมของเหตุการณ์นี้แล้ว  ทีมชาติอังกฤษเองก็โดนกระแสวิพากย์วิจารณ์ไปไม่น้อยเลย

หลังจากที่พวกเขามีทั้งจุดโทษที่น่าสงสัยในคำตัดสินของกรรมการ มาถึงความไม่มีน้ำใจของแฟนบอลที่ทั้งโห่ไล่

กับนักเตะทีมชาติเดนมาร์กทั้งที่พวกเขากำลังร้องเพลงชาติอยู่ อีกทั้งการยิงเลเซอร์ใส่ผู้รักษาประตูในจังหวะสำคัญ

ที่ดูเป็นเรื่องที่ล้ำเส้นเกินไปที่ผู้ชมในสนามควรจะทำ จนไม่น่าแปลกใจว่า ในรอบชิงชนะเลิศจะมีคนให้กำลังใจ

ต่อทีมชาติอิตาลีมากกว่าและนักเตะสิงโตคำรามก็ต้องแบกรับความกดดันนี้ต่อไป